ค่าตับสูง หรือระดับเอนไซม์ตับในเลือดที่สูงกว่าปกติ เป็นสัญญาณที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพตับหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกาย หากพบว่าค่าตับสูง อย่าละเลย แต่ควรหาสาเหตุและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม
สาเหตุที่ทำให้ค่าตับสูง
- การอักเสบของตับ
- ไวรัสตับอักเสบ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี หรือซี
- โรคไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease)
- ภาวะตับอักเสบจากแอลกอฮอล์
- การใช้ยา
ยาบางชนิด เช่น ยาพาราเซตามอลในปริมาณมาก ยาปฏิชีวนะบางตัว หรือสมุนไพรบางชนิด - ภาวะอ้วนหรือโรคเมตาบอลิก
การสะสมไขมันในร่างกายสามารถส่งผลต่อตับ - โรคเรื้อรังอื่น ๆ
เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตับ - การดื่มแอลกอฮอล์
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและต่อเนื่อง
อาการที่อาจเกิดร่วมกับค่าตับสูง
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดชายโครงขวา
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระซีด
เมื่อค่าตับสูง ควรทำยังไง?
- ปรึกษาแพทย์ทันที
แพทย์จะตรวจสอบสาเหตุเพิ่มเติมด้วยการตรวจเลือดเพิ่มเติมหรืออัลตราซาวนด์ตับ - หยุดดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อการทำงานของตับโดยตรง ควรงดทันที - หลีกเลี่ยงยาหรือสมุนไพรที่อาจเป็นพิษต่อตับ
หากต้องใช้ยา ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ - ปรับพฤติกรรมการกิน
- หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง
- ลดการบริโภคน้ำตาล
- รับประทานผัก ผลไม้ และโปรตีนคุณภาพดี เช่น ปลา หรือถั่ว
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
การออกกำลังกายช่วยลดไขมันพอกตับและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม - ควบคุมน้ำหนัก
การลดน้ำหนักอย่างเหมาะสมช่วยลดภาระการทำงานของตับ
การป้องกันค่าตับสูง
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
- เลือกอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงสารพิษ
- งดการใช้ยาเกินขนาดหรือโดยไม่จำเป็น
สรุป
ค่าตับสูงไม่ใช่เรื่องเล็ก ควรดูแลสุขภาพตับและปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติ การปรับพฤติกรรมและการดูแลตนเองอย่างถูกต้องสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพตับและลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ