รูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) คือโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งแทนที่จะไปต่อสู้กับเชื้อโรค กลับหันมาทำลายเนื้อเยื่อในข้อของเราเอง ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง และปวดในหลายข้อพร้อมกัน และหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจทำให้ข้อเสียรูป หรือพิการได้
อาการของรูมาตอยด์ที่พบบ่อย
-
ปวด บวม แดง ร้อนที่ข้อต่อ
-
ขยับข้อแล้วติดหรือตึง โดยเฉพาะช่วงเช้า (morning stiffness)
-
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีไข้ต่ำ ๆ
-
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
อาจมีอาการที่อวัยวะอื่น เช่น ดวงตา ปอด หรือหัวใจในกรณีรุนแรง
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นรูมาตอยด์?
-
ผู้หญิง มีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายถึง 2-3 เท่า
-
อายุระหว่าง 30-50 ปี แม้พบได้ในทุกช่วงอายุ
-
คนในครอบครัวมีประวัติเป็นรูมาตอยด์
-
ผู้ที่เคยสูบบุหรี่
-
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันแปรปรวน
รูมาตอยด์ต่างจากข้อเสื่อมทั่วไปยังไง?
-
ข้อเสื่อมมักเกิดจากอายุหรือการใช้งานหนัก สะสมมานาน
-
รูมาตอยด์เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติและสามารถเกิดในคนอายุน้อย
-
ข้อเสื่อมมักเป็นข้างเดียว รูมาตอยด์มักเป็น “สองข้างเท่ากัน” เช่น ปวดข้อมือทั้งสองข้าง
รักษาได้ไหม?
รูมาตอยด์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน แต่สามารถควบคุมอาการให้สงบได้ด้วยยา การปรับพฤติกรรม และการดูแลอย่างต่อเนื่อง เช่น
-
ยาต้านภูมิคุ้มกัน
-
ออกกำลังกายแบบไม่ลงน้ำหนัก เช่น ว่ายน้ำ โยคะ
-
พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
-
อาหารต้านการอักเสบ เช่น ปลา ผัก ผลไม้ น้ำมันมะกอก
รูมาตอยด์คือโรคข้ออักเสบเรื้อรังที่ควรเฝ้าระวัง โดยเฉพาะหากเริ่มมีอาการปวดข้อเรื้อรัง ขยับข้อแล้วตึงตอนเช้า หรือข้อบวมหลายจุดพร้อมกัน หากสงสัย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและเริ่มการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งเริ่มรักษาเร็ว โอกาสควบคุมโรคก็ยิ่งสูง